您现在的位置是:DailyThai > ครอบคลุม

【betflix kiss】‘บัญญัติ’ ชี้ ‘ทักษิณ’ ตัวเร่งจุดเดือดการเมืองปี68 ประชาชนเหลืออดจนลงถนน | เดลินิวส์

DailyThai2025-01-03 02:42:06【ครอบคลุม】8人已围观

简介เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. นายบัญญัติ บรรทัดฐาน สส.บัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  กล่าวถึงสถา betflix kiss

เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. นายบัญญัติ บรรทัดฐาน สส.บัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในปี 2568 ว่า น่าจะเป็นปีแห่งความรุ่มร้อนและร้อนรุ่ม ทั้งปัญหาด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ประชาชนประสบความยากลำบากจากปัญหาเศรษฐกิจครัวเรือน น้ำท่วมใหญ่ในหลายพื้นที่ยิ่งซ้ำเติมให้เดือดร้อนมากขึ้น ขณะเดียวกันการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลที่ใช้นโยบายประชานิยม ซึ่งเป็นนโยบายเฉพาะหน้า ไม่ได้แก้ที่รากฐานเพื่อนำไปสู่ความยั่งยืน แม้รัฐบาลประกาศว่าจะทำให้ตัวเลขจีดีพีทางเศรษฐกิจเติบโตให้อยู่ที่ 2.6-2.8 เปอร์เซ็นต์ แต่ไม่มีปัจจัยอะไรที่สามารถค้ำจุนเศรษฐกิจให้มั่นคงแข็งแรงถาวรได้ เพราะตอนนี้เศรษฐกิจของเราอยู่ได้จากการส่งออกกับรายได้จากการท่องเที่ยว โดยรัฐบาลทุ่มให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวมากเป็นพิเศษ แต่นโยบายฟรีวีซ่ากับชาวต่างชาติกลับทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ไม่มีคุณภาพเข้ามาจำนวนมาก และคนเหล่านี้มีการใช้จ่ายในไทยไม่มากเท่าที่ควร หลังจากใช้นโยบายนี้สักระยะหนึ่งทุกอย่างจะแผ่วลง

บัญญัติชี้ทักษิณตัวเร่งจุดเดือดการเมืองปีประชาชนเหลืออดจนลงถนนเดลินิวส์

นายบัญญัติ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องรายได้จากการส่งออกที่หลายคนเป็นห่วง จากกรณีที่สหรัฐ อาจจะมีการปรับเปลี่ยนนโยบายที่มีต่อจีน และอีกหลายประเทศที่เขามองว่าเสียดุล โดยหนึ่งในนั้นมีไทยด้วย ตนจึงคิดว่าไทยอาจอยู่ในเป้าหมายของสหรัฐด้วย และอาจโดน 2 ต่อ คือถ้าสหรัฐขึ้นภาษีนำเข้าจากไทย 10 เปอร์เซ็นต์ เราก็จะแย่ และถ้าสหรัฐไปเล่นงานจีนหนัก ก็จะกระทบกับไทยด้วย เพราะจีนเป็นคู่ค้าสำคัญของไทย ขณะเดียวกันมีสินค้าราคาถูกจำนวนมากเข้ามาตีตลาดไทย ตนจึงเห็นว่าเศรษฐกิจในปี 2568 ยังหวังอะไรไม่ได้ ประชาชนยังประสบความลำบาก ยังรุ่มร้อนต่อไป และถ้าระดับเพิ่มมากๆ ทุกคนก็จะกดดันมายังรัฐบาลให้ร้อนรุ่มไปด้วย

บัญญัติชี้ทักษิณตัวเร่งจุดเดือดการเมืองปีประชาชนเหลืออดจนลงถนนเดลินิวส์

นายบัญญัติ กล่าวว่า สิ่งที่จะทำให้ประชาชนรู้สึกอึดอัด โดยเฉพาะผู้ที่ตื่นตัวทางการเมือง คือความเหลื่อมล้ำในกระบวนการยุติธรรม การเลือกปฏิบัติ ถือเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก โดยเฉพาะกรณีของกรมราชทัณฑ์ที่เชื่อมโยงกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ แม้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และแพทยสภาเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว รวมถึงเรื่องที่ดินเขากระโดง ซึ่งจะเป็นเรื่องใหญ่ แม้ศาลจะมีคำพิพากษาแล้ว แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่ปฏิบัติตาม และเมื่อดูจากฝ่ายผู้ครอบครองที่ดินดังกล่าวไม่ใช่บุคคลธรรมดา เขาพยายามออกมาต่อสู้ รวมถึงปัญหาที่ดินอัลไพน์ที่ถูกพูดถึงอย่างมาก ดูเหมือนจะมีคนยื่นเรื่องให้องค์กรอิสระตรวจสอบแล้ว

บัญญัติชี้ทักษิณตัวเร่งจุดเดือดการเมืองปีประชาชนเหลืออดจนลงถนนเดลินิวส์

นายบัญญัติ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีข้อขัดแย้งจากกรณีเอ็มโอยูระหว่างไทยกับกัมพูชา เมื่อปี 2544 แม้รัฐบาลพยายามอธิบายว่าเป็นข้อตกลงที่ทำร่วมกันไว้ แต่สิ่งที่น่าห่วงคือคำพูดของนายทักษิณที่บอกว่าหากการปักปันพื้นที่ทับซ้อนยังมีปัญหาก็ให้ไปตกลงแบ่งผลประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติใต้ทะเลกันก่อน ยิ่งทิ้งเวลาไว้นาน จะยิ่งไร้คุณค่า เพราะในอนาคตคนจะหันไปให้พลังงานบริสุทธิ์มากขึ้น หากจะให้ไปแบ่งผลประโยชน์แบบ 50:50 ตนมองว่าทำไม่ได้ ส่วนฝ่ายที่ออกมาต่อต้านก็มีเหตุผลเพราะเขาเรียกร้องให้จัดการพื้นที่เขตทับซ้อนบริเวณไหล่ทวีปให้เสร็จก่อนที่จะไปแบ่งผลประโยชน์ทางทะเล ถ้าแบ่งเขตพื้นที่อย่างตรงไปตรงมา เชื่อว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของทรัพยากรในพื้นที่นี้จะเป็นของไทย แต่ถ้าจะแบ่งกัน 50:50 หรือ 60:40 สังคมก็จะคัดค้าน ที่หนักกว่านั้นหากไปตกลงแบ่งทรัพยากรกันก่อน ก็จะดูเหมือนเรายอมรับการอ้างสิทธิของฝ่ายกัมพูชาว่ามีมูล หลายคนเกรงว่า หากปล่อยไว้นาน ไทยจะเจอกฎหมายปิดปากแบบคดีปราสาทพระวิหาร

บัญญัติชี้ทักษิณตัวเร่งจุดเดือดการเมืองปีประชาชนเหลืออดจนลงถนนเดลินิวส์

“เรื่องการตั้งคณะกรรมการเจทีซี ตามเอ็มโอยูที่ยังคาราคาซัง ผมมองว่าการที่รัฐมนตรีเข้าประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไม่ครบ จนทำให้คุณทักษิณอารมณ์เสีย ไปอาละวาดข้างนอก เพราะรัฐมนตรีกลัวเรื่องนี้ด้วย วันนั้นรัฐมนตรีหลายคนกลัว 2 เรื่อง คือการแต่งตั้งประธานบอร์ดธนาคารแห่งประเทศ กับการแต่งตั้งคณะกรรมการเจทีซี เขาจึงไม่อยากไปรับรู้ด้วย” นายบัญญัติ กล่าว

บัญญัติชี้ทักษิณตัวเร่งจุดเดือดการเมืองปีประชาชนเหลืออดจนลงถนนเดลินิวส์

นายบัญญัติ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีหลายเรื่องที่มีการร้องเรียนต่อองค์กรอิสระ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ป.ป.ช.จะผุดขึ้นมาในปี 2568 ซึ่งเป็นเรื่องที่มีมานานแล้ว ทั้งความไม่ชอบธรรม ความเหลื่อมล้ำในกระบวนการยุติธรรม การเลือกปฏิบัติจะยิ่งปรากฏชัดขึ้น สังคมจะเกิดความรุ่มร้อนเหลืออดจนต้องลงถนนอาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งความรู้สึกเชื่อมั่นต่อรัฐบาลจะลดลงอย่างต่อเนื่อง แม้รัฐบาลจะมีเสียงมาก แต่ความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างแท้จริงไม่น่าจะมี สังเกตได้ว่าในระยะหลัง มักช่วงชิงความได้เปรียบระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง นับตั้งแต่เริ่มตั้งรัฐบาล มีการดึงพรรคที่ประกาศตอนหาเสียงว่าหัวเด็ดตีนขาดก็จะไม่ร่วมรัฐบาลมาร่วมด้วย ดังนั้นการร่วมรัฐบาลครั้งนี้เรียกได้ว่าเป็นการร่วมแบบหลวมๆ  รวมถึงการช่วงชิงในการเลือกตั้งนายกอบจ.ทั่วประเทศ ตรงนี้จะเป็นการตอกย้ำความกินแหนงแคลงใจระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน แต่ที่น่าอันตรายกับการพัฒนาประชาธิปไตย คือการช่วงชิงท้องถิ่นของบ้านใหญ่ เพื่อให้เข้ามาค้ำจุนเสถียรภาพรัฐบาล ดังนั้นการจะแก้ปัญหาผู้มีอิทธิพลในสังคมไทยซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ก็ทำได้ยาก เมื่อท้องถิ่นที่มีอิทธิพลเชื่อมกับการเมืองใหญ่จะยิ่งมีอิทธิพลมากขึ้น ทำให้ข้าราชการยิ่งเกรงใจ โดยเกมเหล่านี้จะร้อนแรงตลอดในปี 2568 แน่นอน

บัญญัติชี้ทักษิณตัวเร่งจุดเดือดการเมืองปีประชาชนเหลืออดจนลงถนนเดลินิวส์

ส่วนบทบาทของฝ่ายค้าน นายบัญญัติ กล่าวว่า จะมีมากขึ้น โดยจะเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 ซึ่งเป็นหน้าที่ที่ฝ่ายค้านควรทำ หากสามารถทำให้รัฐบาลตั้งอยู่ในหลักในเกณฑ์ รัฐสภามีความแข็งแกร่งแก้ปัญหาของประเทศได้ ความจลาจลที่อาจเกิดขึ้นก็จะลดลง แต่ตนไม่มั่นใจว่าจะทำสำเร็จได้มากน้อยแค่ไหน ได้แต่ภาวนาว่าขอให้ทำได้ มิฉะนั้นอาจเกิดวิกฤติในประเทศอีกครั้งก็เป็นได้ ส่วนจะมาในรูปแบบไหนนั้น ไม่สามารถคาดเดาได้ แต่ความรู้สึกอึดอัดที่ได้รับมาตลอดในปี 2567 ตนยังมั่นใจว่าบทบาทของฝ่ายค้านในปี 2568 น่าดูพอสมควร

บัญญัติชี้ทักษิณตัวเร่งจุดเดือดการเมืองปีประชาชนเหลืออดจนลงถนนเดลินิวส์

เมื่อถามว่าขณะนี้ทุกพรรคที่ร่วมรัฐบาลไม่อยากให้รีบมีการเลือกตั้งใหม่ จึงต้องช่วยประคองกันให้อยู่ครบ 4 ปี เพื่อแต่ละพรรคจะเก็บทรัพยากรให้ได้มากที่สุด นายบัญญัติ กล่าวว่า ก็เป็นเช่นนั้น ตนเคยพูดว่าเขาคงโกรธง่ายหายเร็ว เพราะลำดับปัญหาให้เห็นแล้วว่ามันมีมากมาย ถ้ายังใช้นโยบายเดิมๆ คิดแค่กระตุ้นเศรษฐกิจ ถามว่าจะเอางบมาจากที่ไหน ในเมื่อหนี้สาธารณะเกือบจะชนเพดานแล้ว ปัญหาเหล่านี้จะทำให้พรรคร่วมรัฐบาลคิดหนักว่าจะอยู่ล่มไปพร้อมๆ กันหรือไม่

บัญญัติชี้ทักษิณตัวเร่งจุดเดือดการเมืองปีประชาชนเหลืออดจนลงถนนเดลินิวส์

ต่อข้อถามว่าตัวที่เร่งให้การเมืองยิ่งร้อนรุ่มคือนายทักษิณด้วยใช่หรือไม่ นายบัญญัติ กล่าวว่า นายทักษิณมีคนชื่นชมมาก แต่มีคนที่เกลียดอยู่จำนวนไม่น้อย ตามคำโบราณที่ว่า “คนรักเท่าผืนหนัง คนชั่งเท่าผืนเสื่อ” พอมีการขับเคี่ยวกันหนักๆ มีการหยิบยกพฤติกรรมในอดีต และความล้มเหลวในระบอบทักษิณมาพูดให้สังคมรับรู้มากขึ้น ยกตัวอย่างวันนี้ หลายสื่อมวลชนหยิบยกคดีที่นายทักษิณแพ้ในอดีตขึ้นมาพูด และบางคดีที่ยังคาราคาซัง จะถูกหยิบมาพูดอีก ซึ่งเป็นการดีที่สังคมจะได้รับรู้ และเป็นบทเรียนด้วยว่าดูนักการเมือง อย่าดูเฉพาะหน้าฉาบฉวย หรือดูแต่นโยบายประชานิยมอย่างเดียวไม่ได้ ต้องดูพฤติกรรมด้วยว่าอดีตที่มาเป็นอย่างไร และอนาคตจะเป็นอย่างไร

บัญญัติชี้ทักษิณตัวเร่งจุดเดือดการเมืองปีประชาชนเหลืออดจนลงถนนเดลินิวส์

很赞哦!(8)

相关文章