您现在的位置是:DailyThai > ความรู้
【ดูช่องทรูสปอร์ตhd3】'ลีน่า ลลินา' เคยท้อไม่เหมาะกับวงการบันเทิง ฮึบสู้อีกครั้ง สักวันต้องเป็นของเรา! | เดลินิวส์
DailyThai2025-02-07 18:43:15【ความรู้】4人已围观
简介เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสาวนักแสดงคนสวย ที่ช่วงนี้กระแสความฮอตปังมาก สำหรับ “ลีน่า ลลินา” ที่ช่วงนี้ค ดูช่องทรูสปอร์ตhd3
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสาวนักแสดงคนสวย ที่ช่วงนี้กระแสความฮอตปังมาก สำหรับ “ลีน่า ลลินา” ที่ช่วงนี้คิวงานไม่ว่าจะละคร อีเวนต์ หรืองานต่างๆ ในโซเชียล คิวแน่นอย่างมาก จนไม่มีเวลาไปโฟกัสเรื่องของความรัก ซึ่งล่าสุด ลีน่า ได้มาเปิดใจเรื่องราวชีวิตตลอด 10 ปี ที่อยู่ในวงการบันเทิง จากเด็กสาวเมืองเชียงใหม่ เข้ามาแคสงานในกรุงเทพฯ เคยท้อ อยากยอมแพ้ จนวันนี้กลายมาเป็นนักแสดงสาวสวยมากความสามารถ ที่กำลังมาแรงสุดๆ พร้อมเล่าความฝันเจ้าที่ที่บ้านสั่งให้ไล่แม่บ้านออก รวมถึงเรื่องหัวใจที่เธอยอมรับแบบตรงๆ ว่า เคยมีผู้หญิงมาจีบ ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง One31
ลีน่าลลินาเคยท้อไม่เหมาะกับวงการบันเทิงฮึบสู้อีกครั้งสักวันต้องเป็นของเราเดลินิวส์ลีน่า เผยว่า “จุดเริ่มต้นของการเข้าวงการบันเทิง ย้อนไปเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ตอนหนูอยู่ประมาณ ม.2 เกรด 8 เดินอยู่ที่โรงเรียนที่เชียงใหม่ หนูเป็นเด็กเชียงใหม่ เกิดและโตที่เชียงใหม่ แล้วก็มีแมวมองไปเจอเราที่เชียงใหม่ เขาก็เดินเข้ามาถามว่าสนใจไปแคสงานการแสดง งานละครไหม เป็นแมวมองชื่อดังไหม อันนี้ไม่แน่ใจ ตอนนั้นหนูไม่รู้จักเขา ถามว่าตอนนั้นกลัวไหมว่าจะมาหลอกหรือเปล่าก็ไม่กลัวนะคะ รู้สึกว่าน่าสนใจดี หนูเป็นเด็กที่ว่าถ้าโอกาสไหนเข้ามาหนูไม่ค่อยปฏิเสธ ก็คิดว่าน่าสนใจ น่าลองจังเลย ซึ่งเราไม่เคยมีความคิดที่อยากจะเข้าวงการเลยค่ะ ไม่เคยมีความคิดว่าตัวเองอยากเป็นดารา คิดว่าตัวเองไม่สวยด้วยซ้ำ แต่จำได้ว่าเวลาไปเดินตลาด แม่ค้าชอบบอกว่าไปประกวดนางงามสิ หน้าได้ แต่หนูไม่เคยคิดว่าตัวเองสวยจะเป็นดาราได้ แต่หนูก็ลองดู เพราะว่าโอกาสเข้ามาแล้ว ก็บินมากรุงเทพฯ กับคุณแม่ แล้วก็ได้มาแคสจริงๆ รู้สึกว่าท้าทายดี แล้วปรากฏว่าแคสได้ด้วย ก็เลยเฮ้ย…หรือว่าเราจะมาทางนี้เลยดีไหม ซึ่งงานชิ้นแรกที่แคสคือเป็นงานละคร และเป็นละครที่หนูเคยดูตั้งแต่เด็กๆ ด้วย แล้วเล่นเป็นบทนางเอก พอแคสแล้วได้เลยก็ตื่นเต้นนะคะ เราไม่คิดว่าจะทำมันได้ เราแค่รู้สึกว่ามีโอกาสเข้ามาก็ลองดู และตอนนั้นเห็นว่าแคสได้ทั้ง 2 ที่ 2 ช่อง แต่ก็รู้สึกว่าทุกอย่างมันถูกกำหนดไว้แล้ว ว่าเราจะต้องอยู่ที่นี่อะไรทำนองนั้น ก็เลยเลือกที่นั่น พอได้งานแล้วจากเชียงใหม่มากรุงเทพฯ ถามว่าต้องย้ายบ้านเลยไหม คือครอบครัวหนูมี 4 คน แล้วก่อนที่จะมีแมวมองมา จะย้ายไปต่างประเทศทั้งครอบครัวแล้ว เพราะเหมือนพี่สาวต้องไปเรียนต่อต่างประเทศ ก็เลยมีแพลนว่าจะย้ายไปทั้งครอบครัวเลย ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นั่นเลย แต่ว่ามีโอกาสนี้เข้ามา ก็เลยย้ายมากับคุณแม่ 2 คนที่กรุงเทพฯ ส่วนพี่สาวก็ไปเรียนต่อที่แคนาดา ก็เหมือนแยกทางกันประมาณหนึ่ง พอเราเลือกวงการบันเทิงก็ย้ายมาเลยค่ะ พอเราเซ็นสัญญาปุ๊บ เราก็ย้ายมาเลย แล้วก็มาหาโรงเรียนที่นี่
ลีน่าลลินาเคยท้อไม่เหมาะกับวงการบันเทิงฮึบสู้อีกครั้งสักวันต้องเป็นของเราเดลินิวส์ส่วนการปรับตัว หนูรู้สึกว่าพอเรามาตั้งแต่ยังเด็ก การปรับตัวมันไม่ยากมาก เพราะว่าเรายังพร้อมที่จะเรียนรู้ตลอดเวลา อาจจะมีแค่ว่า จากเมืองเล็กๆ ที่เราไม่ต้องระแวงอะไร แล้วเรารู้ทุกซอก ทุกมุม ของจังหวัดเชียงใหม่ พอมากรุงเทพฯ มันเหมือนเป็นที่แปลกใหม่สำหรับเรา เราไม่ได้รู้ถนนนี้ สถานที่นี้ หรือความอันตรายของเมืองใหญ่ คุณแม่ก็ค่อนข้างเป็นห่วง จะอยู่อยู่กับเราตลอดเวลา แล้วเรื่องเพื่อนพอย้ายมาแล้วก็มีคิดถึง ตอนหนูย้ายมาแล้ว หนูก็มีบินกลับเชียงใหม่บ่อยๆ ไปเจอเพื่อน เจอคุณพ่อ เจอครอบครัวปกติอยู่แล้ว ก็เลยไม่ได้รู้สึกว่ายากที่เราตัดสินใจมา แล้วตอนนั้นทั้งเรียนและทำงานไปด้วย ตอนนั้นมากรุงเทพฯ ก็คือขึ้น ม.3 แล้วเป็นช่วงที่เรามูฟไปไฮสคูล แล้วตอนนั้นถ่ายละคร 2 เรื่อง คือ 7 วันการละคร ก็เลยรู้สึกว่า เอ๊ะ หรือว่าเราจะเปลี่ยนเป้าหมาย แบบโฟกัสที่การเข้ามหาวิทยาลัยเลย หมายความว่าออกจากโรงเรียนแล้วมาสอบเทียบ และหลังจากนั้นก็ติวเพื่อที่จะเข้ามหาวิทยาลัยเลยดีกว่าไหม ก็เลยเป็นการตัดสินใจ เรียนจบ ม.3 ก็ออกจากโรงเรียน แล้วก็มาสอบเทียบ เพื่อเข้ามหาวิทยาลัย ตอนนั้นมีเป้าหมายว่าต้องเข้าจุฬาฯ ให้ได้ ตอนนั้นบอกแม่เลยถ้าหนูสอบไม่ติดจุฬาฯ หนูจะไม่เรียนหนังสือเลย สรุปก็ได้เข้าจุฬาฯ สำเร็จ เรียนจบแล้วค่ะ แต่เราก็เสียดายที่ไม่ได้มีชีวิตในไฮสคูลนะคะ แต่เหมือนชีวิตเรามาทางนี้แล้ว ก็เต็มที่กับมัน ถามว่ามันยากไหมกับการที่เราถ่ายละคร 2 เรื่อง แล้วเตรียมตัวสอบเทียบเข้านิเทศ จุฬาฯ หนูรู้สึกว่ามีพี่ดาราที่เป็นนางเอกดังเขาทำได้ เรารู้สึกว่าขนาดเราไม่ได้ดังเท่าเขา เราก็ต้องทำได้สิ หนูว่ามันไม่มีอะไรที่ยากเกิน ถ้าเรามีความพยายามมากเพียงพอ เลยรู้สึกว่ายังไงเราก็ต้องทำให้ได้ คิดแค่นั้นเลย ซึ่งตอนที่เข้าเรียน ปี 1 อายุ 18 ตามเกณฑ์เลย คือหนูมีความฝันว่าอยากเป็นดัมเมเยอร์ของจุฬาฯ แล้วพี่ “ภัทร ฉัตรบริรักษ์” หนูเคยเล่นละครกับเขา เขาบอกว่าลีน่าสอบเข้าจุฬาฯ ให้ได้นะ แล้วเป็นจุฬาคฑากรให้ได้ พอเข้าปี 1 ก็สมัครเลยแล้วกัน แล้วก็ได้ตามที่หวังไว้
ลีน่าลลินาเคยท้อไม่เหมาะกับวงการบันเทิงฮึบสู้อีกครั้งสักวันต้องเป็นของเราเดลินิวส์ซึ่งทำหลายอย่างแบบนี้แบ่งเวลายังไง คือเราต้องจัดการเวลาเก่งมากเลย เพราะว่าเราเรียน 8 โมง-4 โมง แล้วเราต้องซ้อม 5 โมงเย็นเป๊ะ จนถึงประมาณเที่ยงคืนทุกวัน เป็นเวลา 4 เดือน เพราะเราทำกันเป็นหมู่คณะ 8 คน แล้วทุกอย่างต้องพร้อมเพรียงกันมากๆ เพราะฉะนั้นเราต้องใช้เวลาทำให้ทุกอย่างมันพร้อมกัน ซ้อมหนักจนเราท้อ คือหนูไม่เคยซ้อมอะไรหนักขนาดนี้ งานละครก็ไม่หนักเท่านี้ แต่ว่ามันเป็นการฝึกอีกมุมหนึ่งในชีวิตเรา แต่สิ่งที่ได้จากการที่ซ้อมหนักจนท้อ เราได้เพื่อนที่เป็นมิตรภาพที่ดีมากๆ ที่ทุกวันนี้ก็ยังคบกัน รักกันมากๆ เพราะว่าพวกเราผ่านอะไรมาด้วยกันเยอะมาก ก็เลยรู้สึกว่ามันไม่ใช่แค่การควงคฑาเฉยๆ แต่มันเป็นความรู้สึกทางใจ และความสัมพันธ์ที่เราได้จากคนรอบข้างในกลุ่มเพื่อนเราด้วย ตอนนี้เท่ากับเราอยู่ในวงการบันเทิงมา 10 ปีค่ะ เพราะตอนนี้หนูอายุ 25 ตลอดเวลา 10 ปี มีบทบาทที่ผู้ใหญ่เสนอมา เราก็ไม่เคยปฏิเสธเลย อย่างที่บอกหนูรู้สึกว่า ไม่ว่าโอกาสไหนที่เข้ามา มันมีผลกับชีวิตเราเสมอ ไม่ว่าโอกาสจะเล็ก จะใหญ่ มันก็ทำให้เราได้พัฒนาอะไรสักอย่างในตัวเอง ก็เลยไม่เคยปฏิเสธสักบท ถามถึงในเรื่องของความรู้สึก มีในแง่บวก หรือแง่ลบอะไรไหมในวงการบันเทิง ก็อาจจะมีบ้างที่เรารู้สึกว่า หรือตรงนี้อาจจะไม่ใช่ที่ของเรา หรือว่าเราจะไม่เหมาะกับวงการบันเทิง สิ่งที่ทำให้คิดแบบนั้น อาจจะด้วยระยะเวลาด้วย ซึ่งความรู้สึกนี้มันเกิดขึ้นตอนที่อยู่ในช่วงหลังเรียนจบมหาวิทยาลัย ก่อนเข้ามหาวิทยาลัยหรือช่วงมหาวิทยาลัย หนูรู้สึกว่าทำไปเรื่อยๆ เพราะมันยังไม่ถึงเวลาที่เราต้องโฟกัสจุดใดจุดหนึ่ง แต่พอเรียนจบก็มานั่งคิดทบทวนกับตัวเอง หรือว่าเราจะไปเวอื่นดี เพราะว่าตอนที่เรียนก็มีอะไรหลายอย่างเข้ามาในหัว แล้วรู้สึกว่าเราสนใจ เช่น การทำธุรกิจ หรือการไปเรียนต่อต่างประเทศ แต่หนูก็รู้สึกว่าทุกคนน่าจะมีเวลาเป็นของตัวเอง หนูคิดไว้เสมอว่ามันยังถึงเวลาของเรา ก็มีความเชื่อเสมอว่าสักวันต้องเป็นวันของเราสิ แต่มันก็มีท้ออยู่เรื่อยๆ หรือว่าเราไม่เหมาะกับตรงนี้ หรือว่าหน้าเราไม่ขึ้นกล้อง ซึ่งทุกวันนี้ความท้อนั้นก็ไม่มีแล้วค่ะ ก็อาจจะด้วยงานที่เข้ามาเรื่อยๆ ก็คิดว่าลองฮึบสู้อีกรอบหนึ่ง อาจถึงเวลาของเราแล้วหรือเปล่า ถามถึงกำลังใจที่คุณแม่ให้เรา คือคุณแม่ให้เราตัดสินใจเอง ถ้าอยากอยู่ก็อยู่ แต่ถ้าอยากทำอย่างอื่นก็ลองหาวิธีดู เขาไม่ได้บังคับว่าจะต้องอยู่นะ หรือจะต้องไปนะ เขาให้อิสระในความคิดเรา
ลีน่าลลินาเคยท้อไม่เหมาะกับวงการบันเทิงฮึบสู้อีกครั้งสักวันต้องเป็นของเราเดลินิวส์ส่วนการเป็นดาว TikTok เพื่อไปสานต่อวงการนี้หรือเปล่า จริงๆ การเล่น TikTok ของหนูไม่ได้มีโกลอะไรเลย แค่ตอนนั้นเป็นช่วงโควิด ปี 2020 รู้สึกเบื่อๆ ลองเต้น TikTok แล้วหนูเป็นกลุ่มแรกๆ ที่เล่น แล้วมันมีคลิปหนึ่งที่คนดูเกือบ 10 ล้าน กลายเป็นทุกคนเรียกหนูว่า ดาว TikTok ตั้งแต่ตอนนั้นเลย ซึ่งหนูก็เต้นแบบสไตล์หนู ไม่ใช่นักเต้นอะไรขนาดนั้น และตอนนี้ TikTok มีคนติดตาม 1.7 ล้าน ถามว่าเป็นเพราะ TikTok หรือเปล่าที่ทำให้มีงานต่างๆ ติดต่อเข้ามา ใช่ค่ะ อย่างช่วงโควิด เป็นช่วงที่หลายคนพบเจอปัญหา แต่หนูสวนทาง เพราะงานรีวิวเข้ามาเยอะมาก ช่วงนั้นก็เลยได้ทำงานอยู่ที่บ้าน พอกลับมาถ่ายละครยังเล่น TikTok อยู่เรื่อยๆ ค่ะ มันเป็นที่ที่เรารู้สึกว่าแสดงความเป็นตัวเองออกมาได้ ในละครเราก็ต้องเป็นตัวละคร แต่อันนี้มันเป็นการโชว์ไลฟ์สไตล์ของเรา โชว์ความเป็นตัวตนของเรา และตอนนี้เทรนด์ของ TikTok ปี 2025 ก็จะเป็นเพลง แล้วแต่ช่วงว่าเพลงไหนมาก็เต้นเพลงนั้น ตอนนี้ละครก็เยอะ โฆษณาก็เยอะ รีวิวก็เยอะ แล้วเป็นดาว TikTok ด้วย ถามถึงแพลนในวงการ คือหนูว่าวงการบันเทิง เป็นอะไรที่เราแพลนค่อนข้างยาก ด้วยปัจจัยภายนอก มันมีผลกับเราเยอะมาก เราก็ดูทิศทางก่อนว่าปีนี้และปีหน้าเป็นยังไง หนูว่าทำหน้าที่ ณ วันนี้ให้ดีที่สุดก่อน ซึ่งปีนี้ก็มีละครออนแอร์อยู่ เรื่อง แม่เลี้ยง ปลายปีจะมีซีรีส์ยูริ ซึ่งเรามีความคิดเห็นเกี่ยวกับวงการบันเทิงว่า หนูรู้สึกว่ามันเป็นวงการที่น่าสนใจนะคะ เราได้เจอคนเยอะมาก หนูเข้ามาตั้งแต่เด็ก เจอคนเยอะและเจอหลายแบบมากๆ มันทำให้เราได้เรียนรู้คนตั้งแต่วัยเด็กเลย อันนี้คือข้อดีที่หนูสัมผัสได้ ส่วนในการเป็นนักแสดง หนูรู้สึกว่าเราต้องทำการบ้านยังไง ให้เราเป็นมนุษย์อีกคนหนึ่งได้ อันนี้เป็นสิ่งที่วิเศษมากๆ เวลาที่เราได้เข้าซีนแล้วตัวละครอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งโมเมนต์นี้มันไม่ได้เกิดขึ้นทุกซีนด้วย มันอาจจะมาบ้าง ไม่มาบ้าง แต่พอมันเกิดขึ้นทำให้เรารู้สึกว่าแบบเฮ้ย… กลับบ้านแล้วมีความสุข แล้ววันนั้นก็จะกลายเป็นวันที่ดีมากๆ เลย แต่วันที่ผิดหวังในตัวเอง มันก็เกิดขึ้นบ่อยมากด้วยในช่วงแรกๆ ส่วนเรื่องของไอดอลในการแสดง หนูเคยร่วมงานกับพี่ณิชา รู้สึกว่าพี่เขาเป็นนักแสดงที่เก่งมาก แล้วเราสนิทกัน เวลาหนูมีเรื่องที่จะปรึกษาในเรื่องของการแสดง ก็จะยกหูหาเขาเลย ก็เลยเห็นพี่เขาเป็นไอดอล แล้วเขามีแพสชั่นกับสิ่งนี้มากๆ มันทำให้เรามีแพสชั่นไปด้วย
ลีน่าลลินาเคยท้อไม่เหมาะกับวงการบันเทิงฮึบสู้อีกครั้งสักวันต้องเป็นของเราเดลินิวส์ตอนนี้อายุ 25 ถึงเราเป็นลูกครึ่ง ก็มีความเชื่อเรื่องเบญจเพสค่ะ เพราะกลุ่มเพื่อนก็คุยกัน ปีนี้พวกเรา 25 แล้วนะ ระวังตัวด้วย แต่หนูรู้สึกว่าน่าจะเป็นเบญจเพสที่ดีสำหรับหนู แต่หมอดูทักว่าดวงพุ่งมาก ทักตั้งแต่ปีที่แล้ว ว่าปีนี้เราจะดวงดีมาก ดวงการงานจะดีมากๆ ส่วนเรื่องดวงความรักอันนี้หมอดูไม่ได้พูดถึง หนูก็เลยบอกว่างั้นหนูเอางานก่อนก็ได้ค่ะ พอหมอดูไม่พูดเลย เราก็ไม่ถามแล้วกัน แล้วเราก็เคยรู้สึกว่าเหมือนมีเจ้าที่เจ้าทาง เข้าฝัน ตอนนั้นย้อนไปประมาณหนู ป.3 เด็กมาก ฝันว่ามีเจ้าที่ที่บ้าน เป็นคุณยายคนแก่เขาใส่ชุดไทย มาบอกกับหนูในฝัน เขาชี้ไปที่แม่บ้าน ตอนนั้นหนูมีแม่บ้านคนหนึ่งที่หนูรักมาก แล้วเขาก็ดูแลหนูดีมาก แล้วเหมือนเจ้าที่คนนั้นชี้ไปที่แม่บ้านแล้วบอกว่าให้เอาผู้หญิงคนนี้ออกไป เขาพูดประมาณ 3 ครั้ง ดุมาก เหมือนตั้งใจมาบอกอะไรเราสักอย่าง หลังจากนั้นเราก็ตื่นขึ้นมาร้องไห้ เพราะหนูเป็นคนไม่มีเซนส์และไม่เคยเกิดเรื่องราวแบบนี้ในชีวิต ก็เลยไปบอกคุณแม่ว่าฝันแบบนี้ คุณแม่เหมือนเป็นคนมีเซนส์ แล้วเขาเหมือนรู้ประมาณหนึ่งว่าจะมีอะไรสักอย่าง เหมือนบ้านหลังนี้มีเจ้าที่คอยปกปักรักษาอยู่ แต่คุณแม่ก็บอกว่าไม่มีอะไรหรอก ไม่ต้องคิดมาก เพราะเขาก็ดูแลบ้าน แต่หลังจากนั้นประมาณ 3 อาทิตย์ แม่บ้านคนนั้นมาบอกกับคุณแม่ว่าตั้งท้อง แล้วเขาไปเอาเด็กออก คุณแม่ก็เลยแบบเหมือนคุ้นๆ เหมือนมันไปลิงก์กับฝันที่เราฝัน เหมือนเขาไปทำอะไรไม่ดีมา แล้วเจ้าที่มาเตือน ว่าให้เอาแม่บ้านคนนี้ออกไป เพราะเขาไปทำอะไรไม่ดีมา ซึ่งถามว่ามีสถานที่ไหน ที่คุณแม่ไปแล้วเกิดเหตุการณ์ขึ้นไหม ก็เคยมีครั้งหนึ่ง ไปถ่ายละครด้วยกัน เหมือนที่ถ่ายละครเขาจะมีตั้งโต๊ะหมู่บูชาพระ ก็เลยพากันขึ้นไปไหว้ จะได้รู้สึกดี เพราะว่าไปสักแป๊บ คุณแม่ก็เหมือนเกิดอาการสั่น แล้วก็น้ำตาใหลไม่หยุดเลย หนูก็ไม่รู้จะทำยังไง เพราะไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้เหมือนกัน ก็เลยลงไปตามทีมงานกองถ่าย บอกพี่มาช่วยหน่อย หนูไม่รู้จะหยุดได้ยังไง เขาก็ค่อยๆ ให้คุณแม่หายใจ ให้มีสติ ณ ปัจจุบัน ก็เลยดีขึ้น
ลีน่าลลินาเคยท้อไม่เหมาะกับวงการบันเทิงฮึบสู้อีกครั้งสักวันต้องเป็นของเราเดลินิวส์เห็นสวยแบบนี้สถานะคือโสดสนิทเลยค่ะ ก็มีคนมาจีบบ้าง แต่อาจจะยังไม่เจอคนที่ใช่ เรารู้สึกว่าพอเราทำงานเยอะ เวลามันไปทุ่มกับการงานเยอะ ก็เลยรู้สึกว่าการที่เราจะต้องมานั่งศึกษาใครสักคน ณ เวลานี้ อาจจะไม่ใช่เวลาที่ถูกต้อง ก็เลยรู้สึกว่างั้นพักไว้ก่อน ก็มีคนเข้ามาจีบบ้าง มีสุภาพสตรีด้วยที่เข้ามาจีบ เคยมีผู้หญิงมาจีบหนู แต่ ณ เวลานั้นหนูมีแฟนแล้ว ซึ่งคนนี้เป็นผู้ผญิงที่สวยมาก เซ็กซี่ เลย มาจีบ เขาอยากคุยด้วย ชอบเรา อยากศึกษาเรา หนูไม่เคยคิดว่าจะมีผู้หญิงมาจีบหนู ตอนนั้นก็ตกใจนะ มันแอบเขิน หรือว่าเรามีอะไรดึงดูดผู้หญิงด้วยกันหรอ ก็แอบสงสัยแล้วก็เขิน แต่ด้วยความที่ตอนนั้นเรามีแฟนแล้ว ก็เลยไม่ได้คุยกัน ถ้าสมมุติตอนนั้นไม่มีแฟน ก็อาจจะลองคุยนะคะ เพราะความจริงเขาก็ตรงสเปกอยู่ คือหนูชอบมองผู้หญิงสวย เซ็กซี่ ซึ่งไม่ใช่คนในวงการบันเทิง เป็นคนนอกวงการ คือเราไม่ปิดกั้นเรื่องเพศ จากเหตุการณ์ครั้งนั้น มันทำให้เรารู้เลยว่าเราก็อยากคุยกับเพศเดียวกันเหมือนกัน เพราะเราก็มองเขาสวย มีเสน่ห์มากๆ ก็เลยรู้สึกว่า ถ้า ณ เวลานั้นเราไม่มีแฟน เราก็คงคุยกับเขาแหละ ถามว่าทำไมถึงชอบผู้หญิงสวย ก็ชอบมองผู้หญิงสวยอ่ะ ไม่รู้เหมือนกันบอกไม่ถูก แต่หนูชอบมอง ซึ่งระหว่างผู้หญิงสวยกับผู้ชายหล่อชอบมองอะไรมากกว่ากัน ผู้หญิงสวยค่ะ ถ้าสมมุติมีผู้ชายเข้ามาสเปกที่ชอบคือ หนูไม่ค่อยดูรูปลักษณ์ภายนอก หนูค่อนข้างดูบุคลิกเป็นหลัก เวลาเราเจอกันเฟิร์สอิมเพรสชั่นครั้งแรกสำคัญกับหนูมาก แต่ถ้าทัก DM มาจีบ หนูจะไม่เลย เพราะหนูจะตัดสินในครั้งแรกว่าจะสปาร์คหรือเปล่า ส่วนผู้หญิง นอกจากความสวย ความเซ็กซี่ก็อาจจะต้องเข้าใจเรา หนูรู้สึกว่าความรักคือการเสียสละ ไม่ว่าจะเพศหญิงหรือเพศชาย มันคือการเสียสละจริงๆ เวลาที่คบกันเป็นแฟน เสียสละความเป็นส่วนตัว หรือว่าความคิดบางอย่างที่เราอาจจะยึดติดกับมันมาก เราอาจจะลองเปลี่ยนเพื่อเขาบ้างสักนิดหนึ่ง แต่ช่วงนี้อยากจะให้น้ำหนักไปเรื่องงานแน่นอนเลยค่ะ ถามว่าใช้เวลานานไหม คือไม่แน่ใจ อาจจะเพราะคนที่เข้ามา เรายังไม่เจอคนที่ถูกใจด้วย ก็เลยอาจจะยังไม่ได้สานสัมพันธ์กับใคร”
ลีน่าลลินาเคยท้อไม่เหมาะกับวงการบันเทิงฮึบสู้อีกครั้งสักวันต้องเป็นของเราเดลินิวส์很赞哦!(25)
相关文章
- "เด่นคุณ"ปล่อยเพลงใหม่บอกรัก"ยิหวา"สุดปลื้มแฟนคลับตัวจริงเข้าฉากให้กำลังใจ | เดลินิวส์
- คนสนิท 'ชาล็อต' ถูกมิจฉาชีพหลอกโอน 4 ล้าน วอนอย่าซ้ำเติมผู้ตกเป็นเหยื่อ! | เดลินิวส์
- 'ธีราทร'เปิดใจยาว หลัง 'บีบกล่องดวงใจ' ยอมรับ 'โกรธตัวเอง' | เดลินิวส์
- ย้อนเส้นทางรัก! "นัท มีเรีย-อั้ม อธิชาติ" จากวันที่รักสุกงอมถึงวันสิ้นสุดชีวิตคู่ | เดลินิวส์
- น่ารัก! “วิล ชวิณ”รีโพสต์สตอรี่แฟนสาว “เบลล่า ราณี” ที่ถ่ายคลิปถึงปัญหามลพิษทางอากาศ | เดลินิวส์
- "แม่กบ สุวนันท์"โดดป้องลูก"น้องณดา"หลังเจอคนแซะแรงสวยแบบแปลกๆทำคนบอกอย่าสนใจ! | เดลินิวส์
- วันนี้หนักแน่! "ใต้" ฝนกระหนํ่าเสี่ยงท่วม 11 จว. "เหนือ-อีสาน" ยอดดอยหนาวจัดตํ่าสุด 8 องศาฯ | เดลินิวส์
- ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก คว้ารางวัล Asia Pacific Audience Favorite Actor จาก 2024 iQIYI Scream Night
- การ์ตูน โดย ขวด วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 | เดลินิวส์
- ‘ปิยะชาติ’ รวมความท้าทายส่งท้ายปี 67 ก้าวสู่ความพร้อมปี 68 รับมือ ‘โลกที่ยากจะคาดเดา’ | เดลินิวส์
热门文章
- 'วู้ดดี้-โอ๊ต' ย้ำสมรสเท่าเทียมไม่ใช่การแหกกฎจักรวาล ลั่นถามใครเขียนกฎ? | เดลินิวส์
- ตามส่อง 'หนังใหม่-หนังน่าดู' ปี 2025 พร้อมวันเข้าฉายในไทย | เดลินิวส์
- เกมรักทรยศ, ปุจฉาพาเสียว และ ปิง กฤตนัน คว้ารางวัลบนเวที Asian Academy Creative Awards 2024
- "ธัญญ่า-น้ำฝน"ควงแขนเม้าท์เรื่องลับ มิตรภาพยาวนาน20ปีต่างกันสุดขั้ว ลั่นแค่มองตาก็รู้ใจ! | เดลินิวส์
站长推荐
“โอบ-ปราง” ปล่อยภาพเซ็ตโมเมนต์หวาน Fcแห่นึกว่าพรีเวดดิ้ง กรี๊ดฟินสุดๆ! | เดลินิวส์
"สกาย-นานิ"แท็คทีม"เค-เอเจ-เจเจ-พร้อม-บอนนี่-จูน-เอิร์น"เติมเต็มความฟินผ่านแฟนมีตติ้ง | เดลินิวส์
ตามส่อง 'หนังใหม่-หนังน่าดู' ปี 2025 พร้อมวันเข้าฉายในไทย | เดลินิวส์
Angelina Jolie เผยว่าคงเกลียดถ้าใครสร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับชีวิตของเธอ
เลขเด็ดนางรำ! คอหวยแห่ส่องพิธีรำบวงสรวง 'เจ้าพ่อเขาใหญ่' ลุ้นรวย 1 ก.พ.นี้ | เดลินิวส์
ตามส่อง 'หนังใหม่-หนังน่าดู' ปี 2025 พร้อมวันเข้าฉายในไทย | เดลินิวส์
"ฮาน่า ลีวิส"ปลื้มสุดๆเล่ห์มยุราฟีดแบ็กดีเกินคาด แฟนชมสวมบท"อุ๊"ได้เริ่ดโดนใจหนักมาก | เดลินิวส์
Miley Cyrus เผยว่าแม่ของเธอเป็นคนออกไอเดียให้เต้นกับเสาที่งาน Teen Choice Awards ตอนอายุ 16 ปี